ในหน้าประวัติศาสตร์ประเทศไทย มีนักชกไทยเพียงไม่กี่คนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ “ยอดแสนไกล ไอเว แฟร์เท็กซ์” อยู่ในอันดับต้นๆ
เจ้าของฉายา “เจ้าหนูคอมพิวเตอร์” แม้วันนี้เขาไม่ใช่ ‘เจ้าหนู’ อีกต่อไป แต่ฉายานี้ก็บ่งบอกได้ถึงความอัจฉริยะบนสังเวียนตลอดระยะเวลาร่วม 27 ปี ตั้งแต่เขาก้าวเท้าสู่ถนนนักสู้ในวัยเพียง 8 ขวบ
ยอดแสนไกล เกิดที่จังหวัดหนองบัวลำภู ในหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญของภาคอีสาน ครอบครัวของเขามีฐานะยากจน เขาจึงหันหน้าไปพึ่งวิชามวยไทย เช่นเดียวกับนักมวยหลายๆ คนในแถบภาคอีสานบ้านเรา เพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว
การขึ้นชกครั้งแรกเขาพบกับความพ่ายแพ้ แต่แลกมาด้วยค่าตัว 20 บาทซึ่งนำมาซื้อหาอาหารในครอบครัวได้
แชมป์เวทีลุมพินี 2 รุ่น
หลายปีต่อมา ยอดแสนไกล ศิษย์ครูอ๊อด ที่ย้ายมาอยู่สังกัด เพชรยินดี ก็สร้างชื่อในสนามมวยมาตรฐานเมืองกรุง ด้วยการคว้าแชมป์สนามมวยเวทีลุมพินี รุ่น 112 ป.ได้ในปี 2544 ขณะที่เขามีอายุเพียง 16 ปี และคว้าแชมป์รุ่น 147 ป.ในปี 2548
แชมป์ WBC มวยไทย
ด้วยหน่วยก้านและฝีมือของ ยอดแสนไกล ไปเตะตาค่ายใหญ่เมืองพัทยาอย่าง แฟร์เท็กซ์ ทำให้เขาถูกซื้อตัวเข้าไปอยู่ในสังกัด และผลักดันให้โกอินเตอร์ จนเขาได้มาเจอคู่แข่งแถวหน้าของวงการมวยอย่าง “จอห์น เวย์น พาร์” ซึ่งขณะนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก แม้แต่ในไทยเขาก็เคยเดินทางมาชก
ไฟต์ดังกล่าวจัดขึ้นที่บ้านเกิดของคู่แข่งในประเทศออสเตรเลีย แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับนักชกไทยที่จะคว้าชัยชนะมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี หลังจากตีต่อยกันอย่างดุเดือดจนครบ 5 ยก ยอดแสนไกล ขึ้นแท่นแชมป์โลก WBC มวยไทย รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวตคนแรกของสถาบันนี้ และป้องกันแชมป์ได้อีกหลายครั้ง
แชมป์ WMC คอนเทนเดอร์ เอเชีย
ปี 2551 ยอดแสนไกล ปรากฏตัวในรายการ The Contender Asia ซึ่งเป็นเรียลลิตีโชว์ที่นำยอดมวยไทยจากทุกมุมโลกมาอยู่ร่วมกันและแข่งขันในประเทศสิงคโปร์
นักสู้จากเมืองพัทยาผ่านคู่ชกยอดฝีมือหลายคน ก่อนทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ และได้ต้องเจอกับคู่ปรับเก่าอย่าง จอห์น เวย์น พาร์ อีกครั้ง
ศึกล้างตา 5 ยก นักชกไทยย้ำแค้นนักชกดังชาวออสซีได้เป็นครั้งที่สอง ก่อนก้าวขึ้นเป็นแชมป์ WMC คอนเทนเดอร์ เอเชีย ซีซันแรก และแชมป์ WMC รุ่นมิดเดิลเวต ในเวลาเดียวกัน ซึ่งชัยชนะครั้งนี้สร้างชื่อเสียงในระดับโลกให้กับ ยอดแสนไกล ได้อย่างทันตา
แชมป์ ไลออน ไฟต์
ยอดแสนไกล เดินทางไกลสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 2556 เพื่อท้าชิงแชมป์โลก ไลออน ไฟต์ ซึ่งเป็นรายการใหญ่ของอเมริกา กับเจ้าถิ่นอย่าง “ชิเก ลินด์เซย์” ในรุ่นมิดเดิลเวต
แม้เขาจะเสียเปรียบรูปร่าง แต่ก็สามารถคว้าชัยได้สำเร็จ ก่อนที่จะป้องกันแชมป์ได้อย่างงดงามในปีต่อมา ด้วยการน็อกผู้ท้าชิงชาวอังกฤษ “ซาลาห์ คาลิฟา” อย่างงดงามในยกที่สอง
นอกจากนี้ ยอดแสนไกล ยังคว้าแชมป์ WPMF ได้อีกสองรุ่น รวมถึงผ่านสังเวียนนานาชาติชื่อดังทั้ง K-1, คุนหลุนไฟต์, WLF, MAS จนมาถึง วัน แชมเปียนชิพ ในที่สุด
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลงานที่ ยอดแสนไกล สั่งสมมาตลอด 27 ปีบนสังเวียนผืนผ้าใบ จนทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการมวยไทยและคิกบ็อกซิ่งระดับโลก ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในสังกัด วัน แชมเปียนชิพ ตั้งแต่ปี 2561 โดยเก็บสถิติชนะ 3 และแพ้ 2 ไฟต์หลัง
อย่างไรก็ตามถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องกลับมาเรียกศรัทธา และความมั่นใจให้กับตัวเอง ในศึก ONE: NO SURRENDER ที่กำลังจะถึงในวันที่ 31 ก.ค.นี้ กับการชิงบัลลังก์แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (70.3 กก.) กับ “เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี”
July 07, 2020 at 11:17AM
https://ift.tt/2CgIQeb
เส้นทางนักสู้ 27 ปี "ยอดแสนไกล" โคตรกำปั้นบนหน้าประวัติศาสตร์มวยไทย - Sanook
https://ift.tt/3eXcH9R
Bagikan Berita Ini
0 Response to "เส้นทางนักสู้ 27 ปี "ยอดแสนไกล" โคตรกำปั้นบนหน้าประวัติศาสตร์มวยไทย - Sanook"
Post a Comment